blog

ถ้าพูดถึงการใช้ชีวิตของคนในทุกวันนี้คือ โทรศัพท์มือถือนั้นเองการที่คนทุกเพศทุกวัยมีสมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือสื่อสารหรือเป็นอุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต โดยที่ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่เมื่อมีสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องก็สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน การติดตามข่าวสารต่าง ๆ การใช้สื่อ Social ช่องทางต่าง ๆ ในทุกวันนี้สมาร์ทโฟนก็ได้มีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้น และหลากหลายในการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น บางรุ่นหรือบางยี่ห้อก็ผลิตออกมาเพื่อให้มีความอึดทนนานของแบตเตอรี่เพื่อการใช้งานที่ยาวขึ้นในแต่ละครั้งเมื่อนำมาใช้งานโดยจะมีปริมาณแบตเตอรี่ตั้งแต่ 1600 – 4100 mAh แล้วแต่รุ่นแล้วแต่สมาร์ทโฟนยี่ห้อนั้น ๆ โดยจากการสำรวจปัจจุบันคนส่วนใหญ่นำสมาร์ทโฟนมาใช้งานตลอดเวลา ทุกช่วงอายุ ทั้งวันเรียน วัยรุ่น วัยทำงาน ต่างก็ใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น วัยเรียน ด้วยพิษของโควิด 19 ต่างก็ต้องใช้ในการเรียนออนไลน์มากขึ้น วัยทำงานก็จะสามารถใช้สมาร์ทโฟนทำงานในนอกสถานที่ ใช้ในการทำงานคุยงานในที่ต่าง ๆ และสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่คนส่วนใหญ่จะพกควบคู่ไปด้วยคือ Power Bank เป็นสิ่งที่ใช้ในยามจำเป็นเมื่อสมาร์ทโฟนของคุณแบตเตอรี่หมดนั้นเองโดยทั่วไป Power Bank ในทุกวันนี้จะมีความจุของแบตเตอรี่ที่หลากหลายตั้งแต่น้อยไปมาก ตั้งแต่ 6000 – 20000 mAh อยู่ที่เราจะเลือกขนาดเท่าไรในการใช้งาน ยิ่งขนาดของ mAh สูงก็จะทำให้ Power Bank มีการทำงานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น

ความจุของ Power Bank ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเรา การเลือก Power Bank ที่ดีควรเลือกจากปริมาณบรรจุของแบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟนของเราโดยดูจาก เลือก Power Bank ที่มีแบตมากกว่า 3 เท่าของแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือของเรา โดยทั่วไปแล้วในปัจจุบันมีสิ่งของต่าง ๆ มากมายที่ใช้ไฟฟ้าในการทำงานอยู่ เช่น อุปกรณ์ IT พัดลมถือ หรือแม้กระทั่งแท็บเล็ต ก็ยังต้องใช้ไฟในการชาร์จ หากอุปกรณ์เหล่านี้เกิดการแบตเตอรี่หมด การพก Power Bank ก็ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการพกติดตัวไว้ โดย ณ ปัจจุบันนี้ Power Bank ได้มีการพัฒนาออกมาในรูปทรงสวยงาม หรือเพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ เช่น มีไฟฉาย น้ำหนักเบา สามารถชาร์จ Power Bank ได้ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์โดยที่ Power Bank นั้นจะมีแผงวงจรโซลาเซลล์ และที่ล่าสุดที่ออกมาในรูปของการชาร์จแบบแบบไร้สาย โดยที่ไม่ต้องมีสายชาร์จให้เกะกะ โดยวิธีการใช้งานแค่นำ Power Bank มาแนบกับโทรศัพท์มือถือของเราแค่นั้นก็สามารถชาร์จได้แล้ว

ถ้าหากเกิดเหตุการ์ณที่โทรศัพท์มือถือของคุณหมดในเวลาที่สำคัญมาก หรือหากคุณขณะนั้นต้องการติดต่อกับลูกค้า หรือเช็คข้อมูลสำคัญทางธุรกิจของคุณ คุณจึงจะจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมี Power Bank เล็ก ๆ ความจุพอประมาณสักหนึ่งอันเพื่อกันในเวลาฉุกเฉิน เพียงแค่นี้ธุรกิจหรือธุระสำคัญที่ต้องใช้สมาร์ทโฟนของคุณก็จะราบรื่นไม่ต้องติดขัดในช่วงเวลาที่สำคัญ

Power Bank เป็นอีกหนึ่งของพรีเมี่ยมที่นักธุรกิจ หรือร้านค้า บริษัท และองค์กร ต่าง ๆ  นำไปเป็นของพรีเมี่ยม ของขวัญในโอกาสสำคัญต่าง ๆ หรือของชำร่วยในการสมนาคุณให้แก่ลูกค้า และยังเป็นสินค้ายอดฮิตที่ผู้รับได้ไปจะเป็นที่ประทับใจ   ถูกใจ และเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้รับ สามารถนำไปใช้งานได้จริง และนักธุรกิจ บริษัท หรือองค์กรที่นำ Power Bank ไปเป็นของพรีเมี่ยม ก็คือหลักตลาดที่จะโปรโมทบริษัท หรือ โลโก้บริษัท เพื่อให้ลูกค้าได้พก Power Bank ติดตัวและจะยังได้เห็นโลโก้บริษัทของเราอยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นไอเดียทางการตลาดที่ดีมากสำหรับการการทำการตลาดในยุคนี้  นอกจาก Power Bank จะสำคัญแล้วยังมีอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่สำคัญอีกอย่าง สายชาร์จ usb และ ปลั๊กยูเวิล์ดแซล นั่นเอง

Power Bank คือ แบตเตอรี่สำรองที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่สำรองให้กับ smart phone ของคุณได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ แท็บเล็ต อุปกรณ์ IT ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย และด้วยขนาดของ Power Bank ที่เล็กกะทัดรัด จึงสามารถพกพาติดตัวไปด้วยได้อย่างสะดวกสบาย และในปัจจุบัน Power Bank ได้รับความนิยมมากขึ้นจึงมีการพัฒนารูปแบบการใช้งานที่มากขึ้นมีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น การเชื่อมต่อแบบไร้สาย ไฟฉาย หรือแม้แต่การชาร์จ Power Bank ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์หรือติดแผง solar cell นั่นเอง และวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือก Power Bank อย่างง่ายที่สุด 2 วิธีด้วยกัน

1.ความน่าเชื่อถือของ Power Bank

อย่างแรกเลยให้เราดูที่ยี่ห้อของ Power Bank ที่เราต้องการสั่งซื้อเสียก่อน เพราะว่าเรามีการใช้งาน Power Bank กันอยู่เป็นประจำ และใกล้ตัวเรามากที่สุดในชีวิตประจำวัน เพราะถ้าหากว่าเราเลือก Power Bank ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดอันตรายต่อตัวเราเองได้ ดังที่เราได้เห็นกันจากสื่อโซเชี่ยลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Power Bank รัดวงจร, Power Bank ไฟรั่ว แม้กระทั่ง เพาเวอร์แบงก์ระเบิด คงไม่ดีอย่างแน่นอน หาก Power Bank ที่เราทำการสั่งซื้อมานั้นเกิดเหตุการ์ณต่าง ๆ เหล่านี้ขึ้น ควรเลือก Power Bank และสายชาร์จ USB ที่ได้รับการรรับรองมาตรฐาน มอก. จึงมั่นใจได้เลยว่าจะปลอดภัยอย่างแน่นอน

ไม่ควรเห็นแก่ของถูกจนเกินไป เพราะนั่นอาจไม่ใช่ Power Bank ที่มีประสิทธิภาพดีก็ได้

2.น้ำหนัก Power Bank ที่เหมาะสมสำหรับเรา

ในการใช้งาน Power Bank ในแต่ละวันเรานั้นเราจำเป็นจะต้องพก Power Bank ใส่กระเป๋าของเราไปไหนมาไหน หรือต้องพกติดตัวนั่นเอง และการจะพก Power Bank ไปด้วยนั้น ควรเลือก Power Bank ที่มีน้ำหนักเท่าที่เราสามารถพกพาได้อย่างสะดวก บางคนเลือก Power Bank ขนาดใหญ่ เพราะจำเป็นต้องใช้งานตลอดทั้งวัน หากต้องพกสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก ๆ เป็นระยะเวลานานคงจะทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าอย่างแน่นอน เพราะทั้งพกโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นแล้ว ยังต้องพก Power Bank ขนาดใหญ่อีก แม้ว่าเราจะทำการใช้งานมือถือตลอดทั้งวันก็จริง แต่เราก็ควรเลือก Power Bank ที่มีความจุพอเหมาะและจำเป็นสำหรับเราเท่านั้น เพื่อลดอาการเมื่อยล้าในช่วงระยะเวลาตลอดทั้งวัน

และคุณสมบัติที่สำคัญของ Power Bank ที่ดีนั้นควรมี

1.ระบบการตัดไฟ

เมื่อเราทำการชาร์จมือถือเสร็จ หาก Power Bank ของคุณมีระบบตัดไฟอัตโนมัติจะช่วยยืดอายุการใช้งานของ Power Bank ได้เป็นอย่างดีและลดปัญหาการสิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย

2.มีระบบป้องกันไฟฟ้ารัดวงจร

เมื่อ Power Bank เกิดเหตุขัดข้อง การรัดวงจรในขณะใช้งาน อาจเป็นปัญหาใหญ่ หาก Power Bank ของเรามีระบบรักษาความปลอดภัยในการป้องกันไฟฟ้ารัดวงจร ก็จะเป็นการช่วยให้คุณใช้งาน Power Bank ได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

3.มีการรับประกันที่ชัดเจน

หาก Power Bank ที่เราใช้งานอยู่ไม่มีการรับประกันที่ชัดเจนแล้วล่ะก็ นั่นอาจเป็นสินค้าที่ไม่ได้รับมาตรฐาน ไม่ผ่านการรรับรอง อาจเสี่ยงต่อการเป็นสินค้าคุณภาพต่ำ หรืออาจจะเป็นสินค้าลอกเลียนแบบหรือไม่ ทางที่ดีควรตรวจสอบให้ชัดเจนว่า Power Bank ที่ทำการซื้อมานั้นมีการรรับประกันที่ชัดเจนหรือไม่ หากมีปัญหาขัดข้องเกิดขึ้นใครจะเป็นผู้รับผิดชอบสิ่งเหล่านั้น

สิ่งที่สำคัญและข้อควรระวังในการใช้งาน Power Bank ที่ควรเน้นย้ำนั่นก็คือ

ในการใช้งาน Power Bank ที่ถูกต้องไม่ควร ข้อควรระวังที่สุดในการใช้งานนั่นก็คือ ไม่ควรใช้งาน Power Bank ในที่ ๆ เปียกหรือมีความชื้นสูงเพราะอาจจะทำให้ Power Bank ของเรานั้นเกิดไฟฟ้ารั่วและช็อตเราได้ในที่สุดนั่นเอง

ข่าวไฟไหม้ ไฟรั่ว ไฟลัดวงจรปลั๊กกระเบิด power bank ระเบิด มีให้เห็นกันอยู่บ่อยบ่อย ถ้าไม่อยากเป็นผู้โชคร้ายต้องดูวิธีเลือกอุปกรณ์เหล่านี้ให้ใช้ดีและปลอดภัย

เราได้เห็นข่าวร้ายเกิดขึ้นรายวันกันเป็นประจำไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าลัดวงจร ไฟรั่ว power bank ระเบิดเหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเกิดความเสียหายทั้งสิ้น บางทีก็แค่เสียหายต่อทรัพย์สิน แต่บ่อยครั้งก็เสียหายถึงขั้นต้องเสียชีวิตกันเลย ถ้าเราไม่อยากจะต้องตกเป็นข่าวร้าย เราจะมีวิธีระมัดระวังป้องกันเรื่องอุปกรณ์เหล่านี้กันอย่างไร ต้องระวังอย่างไร และใช้กันงานอย่างไรให้ปลอดภัย

ถ้าทุกคนไปที่ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติหรือว่าเน็ตดีแทคเซ็นทรัลมีพันธกิจในการดำเนินการวิจัยพัฒนาออกแบบวิศวกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้ที่จะมาให้ความรู้กับพวกเราเกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้าและสาเหตุข่าวร้ายจากอุปกรณ์ไฟฟ้าก็คือ ดร.กมล เอื้อชินกุล หัวหน้างานรับรองคุณภาพบริภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์หรือว่า ECEC ผู้เชี่ยวชาญด้านการรับรองคุณภาพอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์

เริ่มกันที่คำถามแรกที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะกำลังสงสัยว่าทำไมเวลาไฟไหม้ทีไรเราจะได้ยินคำว่าสาเหตุมาจากไฟฟ้าลัดวงจร แล้วคำว่าไฟฟ้ารัดวงจรมันคืออะไร เกิดจากอะไรกันแน่

โดยผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำตอบว่า สาเหตุหลักมาจากความร้อนในทางไฟฟ้าหรือระบบไฟฟ้าที่เรารู้จักความร้อนเกิดจากการที่มีกระแสไหลอยู่ในสายตัวนำ มันจะร้อนจัดให้เกิดไฟไหม้ได้เลย คือมีไฟฟ้าซึ่งเกินเกณฑ์ที่กำหนดมาก ๆ ซึ่งสาเหตุที่มีไฟฟ้าวิ่งมาก ๆ มี 2 อย่าง อย่างแรกคือ เกิดการรัดวงจรขึ้นในระบบไฟฟ้าซึ่งจะส่วนใหญ่อยู่ในตัวบ้านหรือในตัวสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราใช้กัน ถ้ามีการลัดวงจร กระแสไฟฟ้าจะไหลมากกว่าปกติเป็นจำนวนหลายสิบเท่า ความร้อนจะเกิด แล้วก็ทำให้เกิดไฟไหม้อันนี้คือสาเหตุหนึ่งเกิดความผิดปกติในระบบไฟฟ้า อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดไฟไหม้ก็ คือ มีการใช้งานมากเกินเกณฑ์ที่ออกแบบไว้ เช่น ออกแบบให้ใช้กระแสอยู่ค่าหนึ่ง เช่น 10 มิลลิแอมป์เราไปต่อปลั๊กพ่วงเพิ่มจำนวนอุปกรณ์เข้าไปจนเป็น 20-30 มิลลิแอมป์ แล้วใช้เป็นเวลานาน ๆ ความร้อนสะสมก็อาจจะทำให้เกิดไฟไหม้ได้ สาเหตุหลักมี 2 ส่วนส่วนที่ 1 เกิดจากความผิดปกติของระบบ สาเหตุที่ 2 คือเกิดจากการใช้งานผิดวิธี

ข้อแนะนำในการป้องกันไม่ให้เกิดสาเหตุต่าง ๆ นี้นั้น มี 2 ส่วนด้วยกัน

ส่วนแรกก็คือ ถ้าเป็นเรื่องของเครื่องใช้อุปกรณ์ที่เราซื้อหามาก็เรื่องของที่มีคุณภาพ ใช้งานตามคู่มือที่เขาแนะนำ ถ้าใช้ตามนั้นก็จะเป็นการลดปัญหาในส่วนที่เกิดจากอุปกรณ์ได้

ส่วนที่สองก็คือ ระบบไฟฟ้าหรือวิธีการใช้งานในบ้านเรา เราก็ควรต้องมีวิธีการตรวจสอบตามระยะอย่างเหมาะสม และข้อสำคัญก็คือ ไม่ใช้เกินเกณฑ์ หรือใช้ผิดวิธีไปนอกเหนือจากที่เขาแนะนำให้ใช้ ก็จะช่วยลดปัญหาไฟไหม้จากไฟฟ้าได้

แล้วเวลาที่เราไปสัมผัสหรือว่าไปใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วเกิดไฟรั่วนั้นเกิดจากอะไร

ไฟฟ้ารุ่นนั้นเป็นอีกลักษณะหนึ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้า เนื่องจากในวงจรไฟฟ้าเนี่ยนั้นจะมีฉนวนมีตัวป้องกันวงจรอยู่ แต่ในการออกแบบบางครั้งจำเป็นต้องมีชิ้นส่วนที่เป็นโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้าวางอยู่ในภายนอก เช่น เป็นเคส เป็นเปลือกหุ้ม ซึ่งอาจจะแตะต้องถึง ในส่วนที่เป็นโลหะก็มีโอกาสที่จะเกิดการเหนี่ยวนำหรือเกิดกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กน้อยขึ้นที่ผิวได้ ซึ่งถ้าเราไปแตะต้องถูก ไฟฟ้าจะช็อตมาที่เรามศัพท์ทางเทคนิคเรียกว่า กระแสไฟฟ้ารั่วหรือกระแสสัมผัส

วิธีป้องกันมี 2 แบบ

แบบแรกคือ ออกแบบใหม่ โดยนำส่วนที่เป็นโลหะที่นําไฟฟ้าออกให้หมด ส่วนที่คนจะสัมผัสถึงก็ให้เป็นเฉพาะส่วนที่เป็นฉนวนเป็นพลาสติกเป็นวัสดุอย่างอื่นซึ่งไม่นำไฟฟ้า เป็นการแก้ปัญหารูปแบบหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้ารูปแบบนี้จะมีเครื่องหมายพิเศษแสดงให้เห็นเป็นสี่เหลี่ยมซอนกัน 2 ชั้น

อีกแบบหนึ่งก็คือ ถ้าไม่สามารถยกเลิกส่วนที่เป็นโลหะได้ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ของโครงสร้างหรือการป้องกันบางอย่าง เช่น เตาอบไมโครเวฟ จะต้องใช้ระบบเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้ารั่วลงดิน เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้จะมีปลั๊กเสียบ 3 ขา อีกขาหนึ่งก็คือขาดินที่จะเหนี่ยวนำไฟฟ้ารั่วลงสู้พื้นดิน แต่ปัญหาของบ้านเรา คือ เมื่อเราได้ปลั๊ก 3 ขา แต่บ้านเราใช้เต้ารับ 2 รูก็จะรับได้แค่ 2 ขาขาที่ 3 ก็จะถูกหักทิ้งทำให้ระบบป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วไม่ทำงาน จะทำให้เรารู้สึกว่าโดนไฟฟ้าช็อต ไฟฟ้ารั่วตลอดเวลา ปริมาณก็มีตั้งแต่น้อยไปจนถึงมาก ขึ้นอยู่ที่ว่าเราต่อพ่วงหลายอุปกรณ์หรือเปล่า อย่าง สายชาร์จ USB  Adapter หรือระบบไฟฟ้าบ้านเราดีแค่ไหน

มาถึงเรื่องใกล้ตัวอย่าง Power Bank ที่หลาย ๆ คนก็พกตลอดเวลาเพราะว่ากลายเป็นของจำเป็นไปแล้ว ไฟหมดเมื่อไหร่สามารถเสียบใช้ได้ยามฉุกเฉินแต่ทีนี้ถ้าเราเลือก Power Bank ไม่ดี จากอุปกรณ์ช่วยเหลือยามฉุกเฉินก็จะกลายเป็นระเบิดได้ สร้างความเสียหายแน่นอน แล้วการที่ Power Bank ระเบิดเกิดจากสาเหตุอะไร หลายคนสงสัยใช่ไหมล่ะ ไปดูคำตอบกัน

สาเหตุที่ Power Bank ระเบิดมี 2 ส่วน เกิดจากอุปกรณ์ชิ้นส่วนหรือออกแบบและผลิตมาไม่อุปกรณ์ หรือ Power Bank เองนั้นคุณภาพไม่ดี ไม่ว่าจะเกิดจากการเลือกใช้ชิ้นส่วนไม่ดีออกแบบผิด ประกอบออกมาไม่ดีก็มีส่วนทำให้เกิดปัญหา เช่น มีความร้อนเกิน เกิดการรั่วซึมแล้วก็ระเบิดได้ โดยเฉพาะ Power Bank ที่ใช้แบตเตอรี่รุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน ถ้าเกิดการรั่วภาพก็จะมีโอกาสติดไฟได้ง่ายกว่าแบตเตอรี่ที่ใช้สารประกอบอย่างอื่น อันดับที่ 1 คือตัวอุปกรณ์ไม่ดี อันดับที่ 2 คือใช้ผิดวิธี ใช้อย่างไม่ระมัดระวัง ทำให้เกิดการตก กระแทก ใช้เกินกำลัง ใช้ผิดรูปแบบ และทำให้เกิดความร้อนเกิน เกิดการบวมผิดปกติ เกิดรอย เกิดการกระทบกระแทกจนกระทั่ง เกินจากออกแบบเอาไว้ ทำให้ชำรุด อาจมีการรั่วซึมของเคมีแล้วก็เกิดการไหม้หรือระเบิดหรือชำรุดได้

แล้วเราจะมีวิธีเก็บรักษา Power Bank ยังไงไม่ให้ Power Bank ที่มีหน้าที่สำรองไฟกลายเป็นระเบิดได้

วิธีเก็บรักษาพื้นฐาน คือ Power Bank ค่อนข้างอ่อนไหวหรือเสี่ยงต่อความร้อนและวิธีเก็บก็เก็บในที่ ๆ หลีกเลี่ยงจากแหล่งความร้อนทั้งหลาย เช่น ไม่เก็บได้ห้องครัว ไม่เก็บใกล้ไฟ ไม่เก็บใกล้แดด ซึ่งทำให้เกิดความร้อนได้ เก็บในที่ที่ปิดค่อนข้างมิดชิด พ้นมือเด็ก ไม่ใกล้ของมีคมขูดขีด ก็คือเก็บระมัดระวังจุดที่เป็นความเสี่ยง ควรนำออกหรือไม่วางไว้ใกล้จุดเสี่ยงต่อ Power Bank นั่นเอง

และเราก็น่าจะเคยเห็นข่าวกันนะคะว่ามีคนลืม Power Bank เอาไว้ในรถแล้วก็เกิดระเบิดไฟไหม้รถได้เรื่องนี้สาเหตุเกิดจากอะไร

Power Bank หรือหน้าแม้แต่อุปกรณ์ที่ไม่ใช่ Power Bank แต่มีแบตเตอรี่ในตัว และแบตเตอรี่เป็นพวกลิเธียมไอออนนั้นไวต่อความร้อน ไวต่ออกซิเจน ก็ควรจะนำออกจากรถ เพราะว่าถ้าเราจอดตากแดดไว้ถ้าบอกรถเราจอดในอาคารความเสี่ยงก็จะลดลง จนเป็นนิสัย และถ้าทิ้ง Power Bank เอาไว้ในรถแล้วจากความเสี่ยงเรื่องของไฟหรืออันตรายจาก Power Bank ชำรุด แล้วถ้าทิ้งโทรศัพท์มือที่มีราคาแพงในรถก็อาจจะโดนงัดรถได้ด้วยฃ

แล้วอายุการใช้งานของ Power Bank นั้นกี่ปี

ปัจจุบันเนี่ยคุณภาพดีขึ้นอายุการใช้งานก็จะยาวขึ้น ถ้าเป็นรุ่นเก่า ๆ ก็ใช้ได้ไม่นานปีกว่า ๆ 2 ปีก็จะหมดอายุ

วิธีสังเกตุ Power Bank ง่าย ๆ ก็คือดูจำนวนระยะเวลาที่เราใช้และแบตเตอรี่ลดลง ถ้ามันลดลงเร็วกว่าปกติแสดงว่ามาใกล้เสื่อมแล้ว ก็ดูจากตรงนั้นก่อนอย่างคร่าว ๆ

แล้ววิธีเลือกซื้อ Power Bank เราจะต้องดูอย่างไรบ้าง

วิธีการที่จะเลือกซื้อหรือว่าดูคุณภาพว่าจะต้องดูที่เครื่องหมาย ดูผู้ผลิตว่ามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน มีการขอรับรองคุณภาพจากหน่วยงานที่เรารู้จักเชื่อถือได้หรือเปล่า ตรงนี้แหละจะเป็นตัวที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเลือกซื้อ Power Bank

อีก 1 อุปกรณ์ที่ใกล้ตัวมาก ๆ แล้วเชื่อว่าแทบทุกบ้านจะต้องมีนั่นก็คือปลั๊กพ่วง แล้วจะเลือกปลั๊กพ่วงกันอย่างไรล่ะ

เริ่มต้นก็ต้องดูที่บ้านตัวเองก่อนว่าเป็นบ้านเก่าหรือบ้านใหม่ที่ผนังเนี่ยเป็นแบบ 2 ขาหรือ 3 ขา ปกติเนื่องจากปัจจุบันบังคับให้เป็นแบบ 3 ขาให้มีระบบสายดินด้วย ถ้าเกิดผนังที่บ้านเราเป็น 2 ขาเนี่ยจะต้องเลือกปลั๊กพ่วงที่เป็น 2 ขา ซึ่งจะหายากนิดหนึ่ง ข้อต่อมาต้องมาดูอุปกรณ์ที่เราจะใช้ปลั๊กพ่วงว่าใช้ไฟฟ้ากำลังขนาดเท่าไหร่ ต้องเลือกขนาดปลั๊กพ่วงให้เหมาะสม ถ้าเราจำเป็นต้องใช้ปลั๊กพ่วงในลักษณะกึ่งถาวร เช่น รับจากผนังบ้านมาที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ ซึ่งต่อเข้าจอมอนิเตอร์แล้วก็ตัวเคสคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เนี่ยก็ต้องดูปริมาณ ทั้งหมดเราใช้ไฟเท่าไหร่เลือกปลั๊กพ่วงขนาดที่สามารถรองรับกำลังไฟได้เหมาะสม แล้วก็อย่าลืมเช็คตรงผนังห้องด้วยว่าจ่ายไฟเหมาะสมด้วย มันต้องสอดคล้องกันเพราะไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาเรื่องของความร้อนหรือการใช้งานเกินกำลังที่จุดใดจุดหนึ่งแล้วก็ตัวปลั๊กพ่วงแนะนำให้ดูเครื่องหมาย มอก. และทำความเข้าใจว่าตอนนี้มีการกำหนดมาตรฐานว่าปลั๊กพ่วงต้องเป็นไปตามมาตรฐานก่อนถึงจะอนุญาตให้จำหน่าย ในประเทศได้นั่นเอง

5 Power Bank ราคาไม่เกิน 1,000 บาท

Power Bank ราคาถูกน่าซื้อน่าใช้ราคาไม่เกิน 1,000 บาท

สวัสดีชาวไอทีทุกคน สำหรับคนที่ใช้มือถือค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะคนที่ใช้มือถือรุ่นที่แบตเตอรี่ไม่ค่อยอึดเท่าไหร่ ก็มักจะประสบปัญหาแบตเตอรี่ชอบหมดตอนอยู่นอกบ้าน จะหาที่ชาร์จแบตคงจะลำบาก  Power Bank หรือแบตเตอรี่สำรองนั้นจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย วันนี้เราทำการคัดเลือก 5 Power Bank ราคาไม่เกิน 1,000 บาท มาฝากกัน จะมีรุ่นไหนกันบ้างนั้น ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลย

รุ่นที่ 1 นั้นเป็น Power Bank จากแบรนด์ Eloop ราคาประมาณ 690 บาท แบตเตอรี่สำรองขนาด 200 มิลลิแอมป์ ผลิตจากอลูมิเนียมและมีให้เลือกหลากสี มีไฟ led บอกสถานะของแบตเตอรี่ขณะใช้งานมีพอร์ต USB ให้ 2 ช่อง ซึ่งสามารถชาร์จอุปกรณ์ด้วยสายชาร์จ USB และ adapter ได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกันและรองรับมือถือและแท็บเล็ตด้วยกระแสไฟสูงสุด 2.1 แอมป์ ขนาดเล็กกะทัดรัดและพกพาสะดวก

รุ่นที่ 2 รุ่น Remex กับ Power Bank ราคาประมาณ 899 บาท Power Bank ขนาดความจุแบตเตอรี่ 20000 มิลลิแอมป์ มาพร้อมชาร์จแบบ 4 USB รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่หลากหลาย และมาพร้อมรูปลักษณ์การใช้งานดีไซน์โดดเด่นที่ดูสะดุดตาขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับการพกพา มีหน้าจอแสดงสถานะการทำงานที่เห็นได้อย่างชัดเจน รองรับการปล่อยกระแสไฟสูงสุด 2.1 แอมป์และสำหรับการชาร์จไฟกลับเข้า Power Bank  สามารถชาร์จผ่านพอร์ต Micro USB, Lightning และ USB Type-C ได้อีกด้วย

รุ่นที่ 3 แบรนด์ yoobao กับ Power Bank ราคาประมาณ 990 บาท มีความจุแบตเตอรี่ 20000 มิลลิแอมป์ การดีไซน์สวยแบบเรียบ ๆ อาจจะถูกใจใครหลาย ๆ คนที่ชอบ Power Bank แบบเรียบ ๆ และมีความบางเบา พร้อมทั้งพกพาสะดวกมาก ๆ พร้อม input ช่องชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ 2 ช่องด้วยกัน ทั้ง Micro USB และ USB Type-C  และมี Output ช่องจ่ายกระแสไฟ  2 ช่องช่อง ช่องแรกปล่อยกระแสไฟที่ 5 โวลท์ 1 แอมป์ และช่องที่ 2 ปล่อยกระแสไฟ 5 โวลท์ 2.1 แอมป์

รุ่นที่ 4 กับแบรนด์ Aukey กับ Power Bank ราคาประมาณ 890 บาท มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุ 10 มิลลิแอมป์ ผลิตจากอลูมิเนียมพิเศษ น้ำหนักเบา ดีไซน์หรูกะทัดรัด และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการชาร์จเร็วหลากหลายแบบ มาพร้อมการรองรับชาร์จเร็วแบบ PD หรือ Power delivery สูงสุดถึง 18 วัตต์ สามารถชาร์จ iPhone และ iPad Pro ได้อย่างสบาย ๆ และยังรองรับอีกหลายเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Samsung Fast Charge, Huawei FCP โดยสามารถชาร์จพร้อมกันได้ถึง 3 เครื่อง พร้อมช่องจ่ายไฟเข้าแบตเตอรี่แบบ USB-C ซึ่งสามารถชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้มากกว่าปกติได้มากถึง 4 เท่า พร้อมมีระบบป้องกันไฟกระชากและระบบตัดไฟแบบ Built in เพื่อให้ตัวเครื่องไม่เกิดอาการร้อนหรือชาร์จไฟเกินขนาด

และสำหรับรุ่นสุดท้าย เป็น Power Bank จากแบรนด์ Xiaomi ราคาประมาณ 990 บาท มาพร้อมขนาดความจุแบตเตอรี่ 20000 มิลลิแอมป์ วัสดุ ABS ที่พื้นผิวจับแล้วรู้สึกสบายมือขึ้นกว่ารุ่นก่อน และป้องกันการลื่นและรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 3.0 ชาร์จเข้าและชาร์จออก และมีวงจรการป้องกันการชาร์จไฟเกิน และการป้องกันแบบ 9s circuit ที่ทำให้มั่นใจในความปลอดภัย สามารถปรับการจ่ายไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จอุปกรณ์ต่างชนิดกันมาพร้อมพอร์ต Input แบบ Micro USB และ พอร์ต Output แบบ USB และมีพอร์ต USB 2 port  ทำให้สามารถชาร์จพร้อมกันได้ถึง 2 เครื่อง

และทั้งหมดนี้ก็เป็น Power Bank ที่สามารถหาซื้อได้ในราคาไม่เกิน 1,000 บาท เพื่อเอาใจคนที่ต้องการหา Power Bank หรือแบตเตอรี่สำรองดี ๆ สักอันในราคาสบายกระเป๋าเพื่อพกติดตัวเอาไว้ใช้งานนั่นเอง หากใครที่อ่านจบแล้วลองไปหาซื้อมาใช้งานดู หรือหากสนใจสั่งซื้อสินค้า Power Bank พร้อมทำโลโก้สามารถติดต่อทาง powerbank-perfect ได้ทันที

หลายคนอาจเคยได้ยินกันมาบ้างว่าทุกครั้งที่เราซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาเพื่อใช้งาน โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ประกอบไปด้วยแบตเตอรี่อย่าง power bank หรือ แบตสำรอง ในการใช้งานครั้งแรกจำเป็นจะต้องชาร์จไฟทิ้งเอาไว้เพื่อเป็นการกระตุ้นประจุของแบตเตอรี่ และเพื่อให้แบตเตอรี่สำรองนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการใช้งานอย่างเต็มที่ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เราจึงนำ power bank ไปชาร์จเป็นระยะเวลานาน บางครั้งหากซื้อ power bank ที่มีความจุมาก ๆ ก็อาจจำเป็นจะต้องชาร์จแบตเตอรี่ข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว ความเชื่อนี้อาจจะเป็นเรื่องจริงในสมัยก่อนนี้ในยุคที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวไกลเหมือนในปัจจุบัน มีหลายท่านยังคงสงสัยว่าชาร์จแบตเตอรี่ครั้งแรกต้องชาร์จไฟทิ้งไว้ 8 ชั่วโมงหรือไม่ และถ้าหากใช้งานจนแบตเตอรี่เกือบหมดแล้วค่อยทำการชาร์จแบตเตอรี่สำรองได้หรือไม่หรือถ้าใช้งานจนแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงเลยจะทำให้แบตเตอรี่นั้นเสื่อมไว้จริงหรือเปล่า และถ้าหากเราทำการชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้ข้ามคืนแบตเตอรี่สำรองบ่อยครั้งจำทำให้แบตเตอรี่เสื่อมหรือเปล่า

ปัจจุบันในยุคที่เทคโนโลก้าวไกล ผู้ผลิตและคิดค้นแบตเตอรี่สำรองได้พัฒนา power bank ขึ้นมาให้เข้ากับยุคสมัยใหม่และเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานมากขึ้น อีกทั้งยังคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใช้งานของตัวผู้ใช้เองอีกด้วย

ทำให้ในปัจจุบันนี้ เมื่อเราทำการซื้อ power bank ทุกครั้ง ก่อนการใช้งานไม่จำเป็นต้องชาร์จทิ้งเอาไว้เป็นระยะเวลานานอีกต่อไป เพราะแบตเตอรี่ของ power bank ในปัจจุบันมักจะเป็นแบบ Lithium ion หรือที่เขียนเป็นตัวย่อข้างกล่องว่า Li-ion ซึ่งแบตเตอรี่ชนิดนี้ เมื่อซื้อแบตเตอรี่สำรองมาใหม่ ก่อนใช้งานครั้งแรก คุณไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้นานถึง 8 ชั่วโมงอีกต่อไป เหมือนกับ power bank รุ่นเก่าๆ อีกแล้ว คุณสามารถชาร์จจนแบตเตอรี่ของ power bank เต็มแล้วนำมาใช้งานกับโทรศัพท์มือถือของคุณได้ทันที

หลายคนอาจจะเคยกังวลไปบ้างหากชาร์จ power bank ไว้นานจนเกินไป กังวลว่าแบตเตอรี่สำรองจะร้อนจนเกินไปอาจะทำให้เกิดภัยอันตรายกับตนเองทรัพย์สินและครอบครัว แบตเตอรี่สมัยใหม่จะเป็นแบบ Li-ion เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% แล้วระบบจะทำการตัดการรับไฟไปเองโดยอัตโนมัติ ดังนั้นการชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้อาจจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้แบตเสื่อมไวอย่างแน่นอน

อันที่จริงแล้วการชาร์จแบตเตอรี่ของ power bank ที่ถูกต้องนั้นสามารถชาร์จได้ตลอดเวลา ไม่เป็นผลเสียต่อ power bank แต่อย่างใด แต่ควรชาร์จแบตเตอรี่สำรองในขณะที่แบตเตอรี่เหลือ 20% และชาร์จให้เต็ม 100%

ไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่ของ power bank หมดเกลี้ยง อยู่บ่อย ๆ เพราะจะทำให้แบตเตอรี่สำรองเสื่อมสภาพหรือเสียง่ายนั่นเอง

ข้อแนะนำในการชาร์จ power bank

แบตเตอรี่จะทำงานเต็มประสิทธิภาพเมื่อผ่านการชาร์จไปประมาณ 3 ครั้งเป็นต้นไป

ในการชาร์จแบตเตอรี่สำรองควรเสียบสายชาร์จกับปลั๊กไฟให้เรียบร้อยเสียก่อนแล้วค่อยเสียบกับตัวเครื่อง power bank เพราะเป็นการป้องกันไฟกระชากที่ส่งผลให้แบตเตอรี่สำรองเสียหายนั่นเอง

ในการชาร์จไฟควรใช้สายชาร์จของแท้ที่แถมมากับเครื่องหรือของแท้ที่ตรงรุ่นใน package power bank ที่สั่งซื้อมาจะดีกว่า

เพราะสายชาร์จ USB ของแท้นั้นจะมีการคำนวณปริมาณการจ่ายไฟ สำหรับเครื่องนั้น ๆ มาแล้วจากโรงงานผลิต ทำให้การชาร์จไฟมีประสิทธิภาพมากที่สุด

หากเราลองนำสายชาร์จที่ไม่ตรงรุ่นมาใช้จะพบว่าการชาร์จแบตเตอรี่จะช้าลงกว่าปกติ และเมื่อเราทำการใช้งานไปนาน ๆ สายชาร์จอาจไม่สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ของเราได้นั่นเอง

และทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีในการใช้งานแบเตอรี่สำรองในครั้งแรก และคลายข้อกังวลใจของใครหลายคนได้บ้างอย่างแน่นอน

และหากท่านใดสนใจอุปกรณ์ไอทีสำหรับมือถืออย่างปลั๊กยูนิเวิล์ดแซล สายชาร์จ USB และ power bank สามารถติดต่อสอบถามทางเราได้ทันที