เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบัน Power Bank นับเป็นไอเทมชิ้นนึงที่จำเป็นสำหรับวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ซึ่งมีความต้องการใช้งานอุปกรณ์ไอที และทำกิจกรรมบนแพลตฟอร์มไอทีต่างๆ ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการเรียน การทำงาน หรือธุรกรรมการเงินต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่บนอุปกรณ์นั้นๆ และฟังก์ชั่นใช้งานบนแพลตฟอร์มต่างๆ ก็มีแนวโน้มที่จะใช้งานพลังงานจากแบตเตอรี่มากขึ้นเรื่อยๆ ความจำเป็นในการใช้งาน power bank เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์จึงสูงตามไปด้วยนั่นเอง ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า power bank ที่มีวางจำหน่ายอยู่ในตลาดนั้นมีพอร์ตการเชื่อมต่อให้เลือกหลากหลาย เช่น พอร์ต USB-A, USB-B, USB-C, Lightning เป็นต้น แต่พอร์ตที่ดูจะเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งผู้ใช้งานส่วนใหญ่เลือกใช้ก็คือพอร์ต USB-C ในบทความนี้จะมาข้อสงสัยให้ได้ทราบว่า เพราะอะไรผู้ใช้งานอย่างเราๆถึงควรมองหา power bank USB-C เป็นตัวเลือกแรก
ใช้ชาร์จอุปกรณ์ได้หลากหลาย เหตุผลแรกที่ทำให้ Power Bank Type C ดูโดดเด่น คือความสามารถในการใช้งานชาร์จอุปกรณ์ได้หลากหลาย เนื่องจากอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือแล็ปท็อป ส่วนใหญ่ในปัจจุบันรองรับการเชื่อมต่อแบบ USB-C จึงสะดวกในการสลับใช้ชาร์จกับอุปกรณ์หลายชนิด ซึ่งเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้งานในการพกพา สายชาร์จ USB เส้นเดียวก็สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย
อัตราชำรุด เสียหายต่ำกว่าพอร์ตบางไทป์ จุดเด่นนึงของพอร์ต USB-C ที่ต้องยอมรับว่าพัฒนาได้ดีกว่าพอร์ตเชื่อมต่อไทป์อื่นๆ ก็คือ เรื่องของความทนทาน อัตราการชำรุดเสียหายที่ต่ำ ซึ่งเป็นผลจากสถาปัตยกรรมดีไซน์ของหัวเชื่อมต่อที่ไม่มีการฟิกด้านในการเสียบเชื่อมต่อ จะพลิกเสียบด้านไหนก็ทำให้การเชื่อมต่อสมบูรณ์ได้เช่นกัน ขณะที่พอร์ตเชื่อมต่อบางไทป์จะมีดีไซน์หัวเชื่อมต่อแบบฟิกด้าน ไม่สามารถพลิกสลับด้านได้ บ่อยครั้งที่ผู้ใช้งานเสียบเชื่อมต่อผิดด้าน จึงทำให้เกิดการชำรุด เสียหายของหัวเชื่อมต่อตามมา
เป็นพอร์ตมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์พกพา เหตุผลต่อมาที่ทำให้ผู้ใช้งานอย่างเราๆ ควรเลือกใช้ power bank type C ก็คือ การที่พอร์ต USB-C ถูกกำหนดให้เป็นพอร์ตเชื่อมต่อมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์พกพา หรือสมาร์ทโฟนนั่นเอง ซึ่งในหลายๆประเทศได้มีการออกมาตรการควบคุมคุณภาพการผลิตอุปกรณ์สมาร์ทโฟนของแบรนด์ต่างๆ ให้ใช้พอร์ตเชื่อมต่อ หรือพอร์ตชาร์จแบบ USB-C เช่นในสหภาพยุโรป หรือ EU เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกในการใช้งาน โดยไม่ต้องยุ่งยากในการหาอุปกรณ์ชาร์จนั่นเอง สรุปง่ายๆ ก็คือ หากเราเลือกใช้ power bank type C อย่างน้อยก็สามารถการันตีได้ว่ามันจะสามารถใช้ชาร์จสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ที่เราอาจจะเปลี่ยนในอนาคตได้นั่นเอง
ความเร็วในการชาร์จ เหตุผลต่อมาที่ต้องบอกว่าอาจจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับไทป์ของพอร์ต แต่ก็ถือว่ามีส่วนต่อประสิทธิภาพในการใช้งานโดยอ้อมก็คือ ความเร็วในการชาร์จนั่นเอง เนื่องจากพอร์ต USB-C ถือเป็นพอร์ตเจเนอเรชั่นหลังๆ การพัฒนาเรื่องของเวอร์ชั่น ความเร็วในการชาร์จโดยรวมจึงดีกว่าพอร์ต USB เจเนอเรชั่นก่อนๆ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ การเลือกใช้ power bank พอร์ตไทป์อื่นๆ เสี่ยงที่จะได้เจอกับเวอร์ชั่นพอร์ตต่ำๆ มากกว่า ประสิทธิภาพ และความเร็วก็ย่อมต่ำกว่าด้วยนั่นเอง
ระบบชาร์จความเร็วสูงของแบรนด์ต่างๆ พัฒนาร่วมกับพอร์ต USB-C อีกหนึ่งเหตุผลที่ผู้ใช้งานอย่างเราๆ ควรเลือกใช้ power bank type C ก็คือ ระบบชาร์จด้วยความเร็วสูงของแบรนด์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอุปกรณ์พกพาขนาดเล็กอย่างสมาร์ทโฟน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักถูกพัฒนาร่วมกับพอร์ต USB-C นั่นเอง กล่าวคือแบรนด์ต่างๆ ใช้พอร์ต USB-C เป็นพอร์ตชาร์จหลักของอุปกรณ์ตัวเอง ดังนั้นการพัฒนา ทดสอบระบบชาร์จความเร็วสูงจึงถูกอ้างอิงด้วยการชาร์จผ่านพอร์ต USB-C มาตลอด ระบบชาร์จความเร็วสูงใน power bank type C จึงมีแนวโน้มที่จะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า มีความเสถียรกว่าพอร์ตไทป์อื่นๆ ตามไปด้วยนั่นเอง
นอกจากนี้ การเลือก Power Bank ที่มี Package Power Bank ที่เหมาะสมยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพ และทำให้การพกพาไปใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องง่ายขึ้น
การเลือกใช้ Power Bank Type C เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์ที่รองรับการชาร์จหลายชนิด ใช้งานสะดวกและทนทาน พอร์ต USB-C ยังเป็นมาตรฐานใหม่ที่รองรับการชาร์จเร็วและมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นพอร์ตหลักของอุปกรณ์พกพาในอนาคต Power Bank ที่มี Type C อย่างเช่น Power Bank Eloop